วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

"ที่มาของชื่อโปรแกรม Nero Burning Rom"

"ที่มาของชื่อโปรแกรม Nero Burning Rom"


  
ที่มาของชื่อโปรแกรมนี้นั้น...มาจากจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมัน
         นามว่า 
" Nero Claudius Caesar Drusus Germanicus"
สมเด็จพระจักรพรรดิเนโร หรือคนไทยรู้จักดี ในนาม 
เนโรจอมโหด 
เป็นจักรพรรดิรัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จูลิโอ-คลอเดียน แห่งจักรวรรดิโรมัน
พระองค์ประสูติเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 37 ที่เมืองแอนเธียม แห่งจักรวรรดิโรมัน
บิดาชื่อ งาเออุส โดมิทิอุส อาเฮโนบาร์บุส (Gnaeus Domitius Ahenobarbus)
มารดาชื่อ อกริบปิน่า ซึ่งมีศักดิ์เป็นถึงน้องสาวของจักรพรรดิคาลิกูลา (Caligula) จักรพรรดิรัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์จูลิโอ-คลอเดียน  เนโรมีชื่อเต็มตอนเกิดว่า ลูเซียส คลอดิอุส เนโร 

     เมื่อค.ศ. 64 วันที่ 18 กรกฎาคม ตอนกลางคืน เกิดไฟไหม้ขึ้นที่ร้านขายวัตถุไวไฟแห่งหนึ่งในกรุงโรม ประกอบกับการที่ถนนกรุงโรมในช่วงนั้นแคบ ทำให้ไฟจากร้านค้าวัตถุไวไฟนั้น ลุกลามไปยังบ้านเรือนหลังอื่นๆอย่างรวดเร็ว และไม่นานนัก ไฟก็ไหม้ทั่วเมือง นีโรรู้ข่าวก็รีบมาดูเปลวเพลิงที่หอคอยมิเซนุส (Maecenas) แล้วก็บอกว่าเปลวเพลิงนั้นช่างสวยงาม นั่งมองไฟผลาญกรุงโรมอย่างสบายอารมณ์
พร้อมทั้งนำเครื่องดนตรีมาบรรเลงอย่างสุนทรีย์โดยไม่ส่งทหารไปช่วยดับไฟกระแสความนิยมของเนโรตกต่ำลงทุกที
       วันที่ 25 กรกฎาคม ค.ศ. 64 เปลวเพลิงที่ผลาญกรุงโรมมาตลอด 6 วัน 6 คืนดับลงในวันที่ 7
เผาบ้านเผาเรือนไป 132 หลัง ใน 4 หมู่บ้าน เนโรสั่งให้เวนคืนที่ดินจำนวนหนึ่งมาสร้างพระราชวังทองคำ (Golden Palace) ประกอบกับการที่เนโรไม่ส่งทหารไปช่วยดับไฟ และในอดีตพระองค์เคยคิดจะเปลี่ยนชื่อกรุงโรมเสียใหม่ว่า 
กรุงเนโรโพลิส(Neropolis) ประชาชนจึงปักใจเชื่อว่าเนโรเป็นผู้เผากรุงโรม 


(นักประวัติศาสตร์ในปัจจุบันเองก็บอกว่ามีความเป็นไปได้ที่เนโรจะเป็นผู้เผากรุงโรม)
เนโรจึงสุ่มสี่สุ่มห้าบอกไปว่าผู้ที่นับถือลัทธิคริสเตียน(ศาสนาคริสต์เมื่อเกือบสองพันปีก่อนในจักรวรรดิโรมันเป็นเพียงแต่ลัทธิเล็กๆ มิใช่ศาสนาอันยิ่งใหญ่เหมือนปัจจุบัน)
เป็นกลุ่มคิดกบฎและพยายามเผาโรม จึงเกิดเป็นการประหารหมู่ชาวคริสเตียนในโรมันด้วยข้อหาเผาโรม 


ประหารโดยวิธีให้อดอาหารสัตว์ป่าในโคลอสเซียมจนหิวโซและนำชาวคริสเตียนไปปล่อยที่สนามโคลอสเซียม และปล่อยสัตว์ป่าให้มารุมฉีกทึ้งชาวคริสเตียนต่อหน้าผู้ชม นอกจากนี้ยังเก็บภาษีอย่างหนักเพื่อมาซ่อมแซมบ้านเมืองและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ล่มจมของโรม ทำให้ประชาชนคลางแคลงใจในเนโร จนเกิดเป็นคำติดปากประชาชนชาวโรมว่า 
"เนโรเผาโรม"
(Nero Burning Rome)








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น